ออฟฟิศสมัยใหม่ต้องออกแบบ Working Space แบบไหนถึงถูกใจทั้งพนักงานและผู้บริหาร และการเข้ามาของ New Normal ส่งผลกระทบกับการออกแบบมากแค่ไหน BIM Space จะพาคุณไปพบกับการเปลี่ยนแปลงของการออกแบบสมัยใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์กับชีวิตปัจจุบันของผู้คนได้ดียิ่งขึ้น
5 เหตุผลสำคัญของการมี Working Space ที่ดี
เมื่อชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เกิดขึ้นจากโรคระบาด การทำงานออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนมีคนส่วนหนึ่งคิดว่าออฟฟิศเป็นสิ่งไม่จำเป็น และการสร้าง Working Space ไม่จำเป็นต้องดีก็ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าแนวคิดดังกล่าวอาจไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว
การมี Working Space ที่ดีส่งผลอย่างไรบ้าง นี่คือ 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรมองข้าม
1. เพิ่มความสุขในการทำงาน
Working Space ที่ดีนอกจากจะช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพออกมาได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสุขในการทำงานให้กับพนักงานได้อีกด้วย ยิ่งพนักงานมีความสุขมากเท่าไร ก็จะยิ่งส่งผลโดยตรงกับคุณภาพและ Loyalty ของพนักงานมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งปัจจัยในการเพิ่มความสุขจาก Working Space มีมากมายไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรพื้นที่ทำงานและพักผ่อนให้พอเหมาะ การมีอุปกรณ์ในการทำงานที่มีคุณภาพไปจนถึงการจัดแสงที่เหมาะสมกับการทำงาน
จากผลสำรวจของพนักงานทั่วยุโรปกว่า 7,000 คนพบว่า 80% ของพนักงานให้ความสำคัญกับการจัดแสงร่วมกับการทำงานเป็นอย่างมาก การจัดแสงที่ดีจะทำให้พวกเขาทำงานได้อย่างลื่นไหลและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่การจัดแสงแย่ก็ส่งผลให้พนักงานเกิดความเครียดได้ง่ายเช่นกัน
สำหรับสถาปนิกและนักออกแบบที่มีการจัดแสงจริงภายในออฟฟิศ และต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีขายจริง สามารถลองดาวน์โหลดโมเดลไปใช้งานได้ที่ BIMobject: L&E Lighting and Equipment
2. สร้างบรรยากาศที่ดีภายในบริษัท
บรรยากาศอาจเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก แต่เมื่อคุณทำงานในองค์กรหรืออยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนานๆ คุณจะสามารถสัมผัสถึงบรรยากาศรอบตัวได้ การออกแบบ Working Space ที่ดีมักช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม เช่น บรรยากาศการคุยงานที่ผ่อนคลาย บรรยากาศการประชุมที่ไม่ตึงเครียดมาก รวมถึงบรรยากาศการทำงานที่่เหมาะสม ไม่เร่งรีบหรือเฉื่อยชาจนเกินไป
ยกตัวอย่าง Microsoft Headquarter ที่สร้างบรรยากาศคล้ายกับมหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ ตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศในการทำงานมีความสดใหม่อยู่เสมอ
3. สร้างสังคมการทำงานที่เหมาะสม
“พื้นที่” ของ Working Space ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็เป็นจุดที่ผู้คนมักหลั่งไหลเข้ามารวมกัน ยิ่งจัดสรรพื้นที่ทำงานได้ดี ก็จะยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศและสังคมการทำงานที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรพื้นที่ทำงานที่แฝงไปด้วยความผ่อนคลาย ทำให้การประชุมงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น หรือแม้แต่การจัดพื้นที่สันทนาการเพื่อพูดคุยและทำกิจกรรมต่างๆ ในเวลาพัก ก็จะช่วยส่งเสริมให้พนักงานเกิดความสามัคคีกันได้เช่นกัน
4. สร้างความประทับใจแรกแก่ผู้มาเยือน
ไม่ว่าจะเป็นพนักงานใหม่ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือแม้แต่บริษัทคู่ค้าอื่นๆ คุณก็สามารถเพิ่ม First Impression ที่ดีได้ด้วยการจัด Working Space ที่ดีและมีคุณภาพ ทั้งในส่วนของความสวยงามและการใช้งาน ความประทับใจแรกนี้เองเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่อาจทำให้เกิดข้อตกลงอันแสนสวยงาม หรือการได้พนักงานที่มีประสิทธิภาพมาร่วมงานในทีมเลยก็เป็นได้
5. แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ขององค์กร
“พื้นที่ของคนทำงาน” คือการแสดงออกให้เห็นถึงอัตลักษณ์ขององค์กรได้ชัดเจนที่สุดว่าภายในองค์กรนี้มีระบบการทำงานอย่างไร มีการสนับสนุนทีมงานมาก-น้อยแค่ไหน ซึ่งจะส่งผลทางอ้อมต่อความร่วมมือกันภายในองค์กรว่าคนในทีมเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
อัตลักษณ์ดังกล่าวยังส่งผลถึงการทำ Branding โดยตรงอีกด้วย หากมีการทำการตลาดเพื่อดึงดูดบุคลากรใหม่ๆ หรือลูกค้า การแสดงให้เห็นว่าองค์กรของคุณให้ความสำคัญกับการจัดพื้นที่ทำงานที่ดีให้กับทีมจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้กับองค์กรของคุณเอง ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจทำสัญญาหรือซื้อขายสินค้าในปัจจุบันเลยทีเดียว
เทรนด์การออกแบบ Working Space เพื่อยุค New Normal
การจัดสรร Working Space ยุคใหม่ต้องใส่ใจอะไรบ้าง เราจะมานำเสนอการออกแบบพร้อมออฟฟิศตัวอย่างจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกมาให้ได้ชมกัน
1. ซัพพอร์ตแนวคิดของบริษัท
“องค์กรเป็นอย่างไร พื้นที่ทำงานก็เป็นเช่นนั้น” เปรียบเสมือนคำพูดที่บ่งบอกตัวตนของ Working Space ได้เป็นอย่างดี
หากบริษัทของคุณต้องการความคิดสร้างสรรค์ Working Space ก็อาจมีสีสัน ลวดลาย หรือการจัดวางพื้นที่ที่สามารถซัพพอร์ตในส่วนนี้ได้อย่างเต็มที่
ยกตัวอย่างออฟฟิศของทาง Google ที่ใช้สีสันสดใสเพื่อเพิ่มจินตนาการและบรรยากาศให้เหมาะสม รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองด้วยการให้ตกแต่งโต๊ะทำงานในรูปแบบไหนก็ได้ พร้อมกับมีมุมพักผ่อนหย่อนใจและมุมสันทนาการ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานอีกด้วย
2. ตอบโจทย์การทำงานรูปแบบใหม่
การออกแบบ Working Space ในสมัยเก่าจะยึดติดและให้ความสำคัญกับการจัดแบ่งสัดส่วนพื้นที่ระหว่างพนักงาน ผู้บริหาร ไปจนถึงการพักผ่อนและการทำงานออกจากกัน ออฟฟิศสมัยเก่าจึงมักมีพื้นที่เป็นเหลี่ยม มีรั้วกันบริเวณชัดเจน
แต่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว การออกแบบยุคใหม่อาจต้องเน้น “ผู้ที่ทำงาน” เป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุค New Normal การแบ่ง Space เพื่อเว้นระยะห่างกัน มีการสลับทีมเข้าทำงาน ทำให้โต๊ะทำงานรวมถึงพื้นที่ทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
3. จัดสรรพื้นที่อย่างเหมาะสม
ความยืดหยุ่นไม่ได้หมายถึงการ “ผสม” ทุกอย่างให้พนักงานใช้ แต่ต้องมีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัวและตอบโจทย์การทำงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอ้างอิงจากแนวคิดและอัตลักษณ์ของบริษัทเป็นหลัก
หากบริษัทของคุณเน้นการใช้จินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน การจัดให้มีพื้นที่บอร์ดเกม หนังสือออกแบบ หรือพื้นที่สำหรับโมเดลต่างๆ ใกล้เคียงกับพื้นที่ทำงานเพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้ผ่อนคลายและสร้างสรรค์งานไปได้ในเวลาเดียวกันย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
ในทางกลับกัน บริษัทที่มีบรรยากาศการทำงานที่ค่อนข้างตึงเครียด เช่น บริษัทตรวจสอบบัญชี บริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับตัวเลข อาจต้องจัดสรรพื้นที่ทำงานเพื่อให้พนักงานสามารถโฟกัสงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการกำหนดพื้นที่ในการพักผ่อนเป็นสัดส่วน เพื่อให้การทำงานทั้งหมดเป็นไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
4. จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา
Working Space ยุคใหม่ต้องสนับสนุนอุปกรณ์ยุคใหม่ด้วย โดยเฉพาะสิ่งจำเป็นอย่างเต้าเสียบปลั้กไฟ จุดชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึง WIFI เพื่อสนับสนุนการทำงานที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
บริษัทใหญ่หรือบริษัทที่มีการย้ายห้องบ่อยครั้ง ผู้บริหารอาจต้องพิจารณาการติดตั้งจอโปรเจ็คเตอร์หรือทีวีเพิ่มเติม รวมถึงระบบการจองห้องประชุม เพื่อรองรับการนำเสนองานได้ทุกที่ทุกเวลา สำหรับยุคใหม่อาจมีอุปกรณ์วัดอุณภูมิหรือเจลแอลกอฮอล์ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันโรคระบาดด้วย
เฟอร์นิเจอร์สำหรับทำงานเองก็มีส่วนช่วยเช่นกัน ไม่ว่าจะลดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ไปจนถึงความเหนื่อยล้าจากการทำงานนานๆ Working Space ยุคใหม่ควรมีเฟอร์นิเจอร์คุณภาพเพื่อคอยดึงดูดให้พนักงานรู้สึกว่า “ทำงานที่นี่ดีกว่าทำงานที่อื่นเป็นไหนๆ” เช่น การใช้เก้าอี้เพื่อสุขภาพและโต๊ะเพื่อสุขภาพ ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้สบายยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถดาวน์โหลดโมเดลดังกล่าวได้ที่ BIMobject: Modernform
5. ผสมผสานพื้นที่สีเขียวใน Working Space
พื้นที่สีเขียวกลายเป็นเทรนด์สำคัญสำหรับการสร้าง Working Space ยุคใหม่ตามกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้บริษัทแล้ว การทำให้พนักงานได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติยังช่วยสร้างความร่มรื่นเสมือนมีแหล่งพักทางใจอีกด้วย
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเรื่องนี้ คือ ออฟฟิศของ Facebook (Meta) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาที่มีสวนขนาด 15,000 ตารางเมตรอยู่บนดาดฟ้า พร้อมโต๊ะสำหรับพักผ่อนและทำงาน ทำให้พนักงานได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติไปพร้อมๆ กับประชุมงาน อีกทั้งยังรองรับการจัดกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมตามความต้องการของพนักงานอีกด้วย
สรุป
การสร้าง Working Space ในปัจจุบันต้องคำนึงถึงการตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ อัตลักษณ์ขององค์กร รวมถึงการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การผสมผสานจินตนาการ ความสุขในการทำงานเข้าร่วมกับ Working Space อาจเป็นความสำคัญที่ขาดไม่ได้ในอนาคต
หากคุณกำลังออกแบบ Working Space เป็นของตัวเองและสนใจ Model คุณภาพที่มีขายจริงและสามารถใช้ร่วมกับ Office ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถสมัครสมาชิกและดาวน์โหลด Model ต่างๆ มากมายได้ที่ BIMobject Thailand