[รวมไอเดีย] เพิ่มมิติให้พื้นที่โดยการ “ปูพื้นทางเดิน” ด้วยหินลูกเต๋า

เมื่อเราเดินเข้าสถานที่ใหม่ๆ สิ่งแรกที่เห็นได้เลยคือดีไซน์และบรรยากาศของที่ๆ เราเหยียบย่างเข้าไป แต่ความประทับใจคงอยู่ได้ไม่นานนักหากทางเดินไม่มีคุณภาพ การปูพื้นทางเดินจึงเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำการขับเน้นสิ่งก่อสร้างหรือพื้นที่ต่างๆ ให้โดดเด่นและดูมีคุณภาพยิ่งขึ้น

แต่เราควรปูพื้นอย่างไรล่ะ ? แม้จะดูเป็นสิ่งเรียบง่าย แต่หากลงลึกในรายละเอียดแล้วจะรู้ได้เลยว่าเทคนิคการปูพื้นของสถาปนิกแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างมีการรังสรรค์พื้นที่ สี และรูปแบบที่หลากหลาย แน่นอนว่าวัสดุของการปูพื้นก็มีต่างกันออกไปมากมาย ในบทความนี้ เราจะขอนำเสนอไอเดียการปูพื้นด้วยวัสดุยอดฮิตอย่างหินลูกเต๋า (Cobblestone) ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

ไอเดียปูพื้นทางเดินแบบมืออาชีพด้วย Pattern ยอดฮิต

การปูพื้นมีหลากหลายลวดลายขึ้นอยู่กับการดีไซน์ของสถาปนิกแต่ละคนรวมไปถึงการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ แต่ก็มี 4 ลวดลายที่เป็น Pattern พื้นฐานที่มักพบเห็นกันตลอด ได้แก่ ลายตรง ลายอิฐ ลายพัด และลายวงกลมนั่นเอง

• ลายตรง (Stack Bond)
  ลายตรงเป็นรูปแบบการปูพื้นด้วยหินลูกเต๋าซึ่งเป็นรูปแบบที่มักพบเจอได้มากที่สุด เพราะเป็นลายที่ทำได้ง่าย รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือผู้เชี่ยวชาญก็สามารถปูพื้นในรูปแบบนี้ได้ อีกทั้งยังตอบดีไซน์ที่มินิมอล เน้นความเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ก็คงไว้ซึ่งความหนักแน่น งดงาม ของพื้นที่นั้นๆ

• ลายอิฐ (Stretcher Bond)
  เพิ่มมิติของการปูพื้นทางเดินให้มากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการปูพื้นลายอิฐ การปูพื้นแบบนี้จะมีความคล้ายคลึงกับลายตรงอย่างมาก แต่มีจุดต่าง คือ การเรียงแบบเว้นระยะในแต่ละแถวราวครึ่งก้อน ทำให้ได้รูปลักษณ์เหมือนกับการปูอิฐเพื่อก่อสร้าง

• ลายพัด (Cobble Fan)
  หินลูกเต๋าไม่จำเป็นจะต้องเรียงเป็นเหลี่ยมเสมอไป สถาปนิกหรือแม้แต่เจ้าของบ้านเองก็สามารถปูอิฐให้สวยงามขึ้นได้ด้วยการเรียงหินให้เป็นแนวโค้งคล้ายกับพัด ซึ่งมักพบเจอได้ในถนนสายอนุรักษ์ของเมืองสำคัญๆ ในทวีปยุโรปอย่างปารีสและโรม การปูพื้นทางเดินแบบนี้เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความหรูหรา ซับซ้อน และสวยงาม

• ลายวงกลม (Circle)
  การปูพื้นลายวงกลมคือเทคนิคการปูพื้นเพื่อกำหนดจุดวางสายตาเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เช่น บริเวณ Drop-off ของโรงแรม จุดนัดพบของสถานที่ต่างๆ โดยใช้การผสมผสานกับลวดลายอื่นๆ เช่น ลายพัด หรือลายตรง ทำให้สามารถจัดเรียงหินได้เต็มพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

อ้างอิงภาพจาก Prestige Paving

เพิ่มมิติด้วยสีสันจากหินลูกเต๋า

หินลูกเต๋าไม่ได้มีสีเดียว คุณสามารถเพิ่มความสวยงามและความหลากหลายของการปูพื้นทางเดิน มิติ และกำหนดเส้นทางรวมถึงพื้นที่ในการใช้งานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ด้วยการผสมสีของหินลูกเต๋าที่แตกต่างกัน หรือการสลับไปใช้หินชนิดอื่นๆ เข้ามาผสม ซึ่งนอกจากจะดูสวยงามแล้วยังทำให้เกิดความกลมกลืนในพื้นที่อีกด้วย

สำหรับไอเดียที่เรามักพบในการใช้งานหินลูกเต๋า ได้แก่

• ใช้หินต่างสีวางเรียงกันเพื่อกำหนดเส้นทางและพื้นที่
• แซมหินต่างสีเข้าไปในทางเดินทางเดินเพื่อเพิ่มมิติ
• ใช้หินต่างสีและต่างชนิดผสมกัน ทำให้ทางเดินสวยงามมากขึ้น

แม้ว่าสีของหินลูกเต๋าจะมีสีเทา ดำ ขาว เหลือง และแดง เป็นหลัก แต่ขอบอกเลยว่าในหน้างานจริงสีเหล่านี้จะมีหลายเฉดให้เลือกสรร สามารถประกอบกันให้เหมาะกับพื้นที่ของคุณได้อย่างแน่นอน ยังไม่นับว่าสีเหล่านี้เหมาะสำหรับการปูพื้น ทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

คำนวณค่าใช้จ่ายง่ายนิดเดียว

อยากปูพื้นทางเดินต้องคำนวณค่าใช้จ่ายแบบไหน ? บอกเลยว่าง่ายนิดเดียว ซึ่งสิ่งที่คุณควรรู้เป็นหลักก่อนการคำนวณมีด้วยกัน 2 อย่าง คือ

1. พื้นที่ (กว้าง x ยาว)
2. ขนาดของหินที่ต้องการใช้
3. ปูกี่ก้อนต่อพื้นที่
4. ราคาของหิน

ตัวอย่าง คุณเต๋าต้องการปูพื้นทางเดินกว้าง 10 เมตร ยาว 15 เมตร โดยใช้หินลูกเต๋าบะซอลต์สีดำก้อนละ 11 บาท ปูแบบ 100 ก้อนต่อตารางเมตร

พื้นที่: 10*15 = 150 ตารางเมตร
หิน 100 ก้อนต่อตารางเมตร: 11x 100 = 1,100 บาท
คำนวณราคาหิน: 150 x 1,100 = 165,000 บาท

คุณเต๋าต้องจ่ายคาหินทั้งหมด 165,000 บาท

สรุป

ทั้งหมดคือไอเดียพร้อมกับการคำนวณที่คุณสามารถนำมาใช้งานได้ทันที ยังมีรูปแบบของการปูพื้นทางเดินอีกมากมายที่สามารถนำมาปรับใช้ในการตกแต่งต่างๆ โดยคุณสามารถดูหินลูกเต๋าคุณภาพและสินค้าที่เกี่ยวข้องได้ที่สินค้าของทาง Prestige Paving และถ้าคุณต้องการออกแบบพื้นที่ของตัวเองอย่างแม่นยำ ก็สามารถสมัครสมาชิกและดาวน์โหลดได้ที่ BIMobject Thailand