เพื่อนๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการเลือกวัสดุก่อสร้างเคยสงสัยกันมั้ยว่า การเลือกวัสดุไม้มาใช้ออกแบบอาคารให้ดูสวยงามเหมือนธรรมชาตินั้น เราควรจะใช้ไม้ชนิดไหน เพราะในท้องตลาดมีตัวเลือกที่หลากหลายมากมาย ทั้งไม้จริงและไม้เทียม แล้วไม้แต่ละอย่างมันมีข้อดี ข้อเสียยังไง ตรงส่วนไหนควรจะเป็นไม้จริงหรือไม้เทียม วันนี้ผมเอาความรู้เรื่องไม้ดีๆมาฝาก เราไปเรียนรู้พร้อมๆกันเลยครับ

ไม้เทียมหรือไม้จริงดีกว่ากัน

ไม้เทียม ไม้เทียมที่นิยมใช้มีอยู่ 2 ชนิด คือ ไม้เทียมที่ผลิตจากไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งมีส่วนผสมของปูนซีเมนต์และเส้นใยต่างๆ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นตัวให้สูงขึ้น และไม้เทียมที่ผลิตจากพอลิเมอร์อย่างไวนิลผสมกับผงไม้จริง ซึ่งจะมีความทนทานและคล้ายคลึงกับไม้จริงทั้งสีและผิวสัมผัส

  • ข้อดี: ขนาดและความหนาของชิ้นไม้เทียมจะเป็นมาตรฐาน เพราะผลิตในระบบโรงงาน การติดตั้งง่ายกว่าไม้จริง สามารถใช้งานได้ทันที และหมดปัญหาเรื่องปลวกและแมลง ดูแลรักษาได้ง่ายกว่าไม้จริง
  • ข้อเสีย: ลักษณะลวดลายภายนอกจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเกิดรอยเสียหายบนพื้นผิวจะทำให้เห็นวัสดุภายในที่ไม่สวยงาม แต่สามารถซ่อมแซมทาสีใหม่ได้ มีขนาดและความยาวจำกัด บางรุ่นมีราคาสูงกว่าไม้จริง หากจะใช้ไม้เทียมควรเลือกความหนาและขนาดให้เหมาะสมกับชนิดและรูปแบบของการใช้งาน ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตจะจำแนกรูปแบบตามการใช้งานอยู่แล้ว ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ

ไม้จริงหรือไม้แปรรูปจะผ่านกระบวนการอาบน้ำยาและอบแห้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปลวก แมลง และลดความชื้นในเนื้อไม้ก่อนการนำไปใช้งาน หากจะใช้ไม้จริงสำหรับงานภายนอกควรใช้ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้มะค่า ไม้ตะแบกหรือตะเคียน เป็นต้น จะทนทานกับสภาพอากาศได้มากกว่าไม้เนื้ออ่อนชนิดอื่นๆ

  • ข้อดี: มีความสวยงามจากลวดลายและสีสันตามธรรมชาติที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น แตกต่างกันไปตามชนิดและอายุของไม้นั้นๆ สามารถทำพื้นผิวได้ตามต้องการ เช่น ผิวเรียบ ผิวหยาบ โชว์เสี้ยนไม้ที่ผ่านการขัดแต่งผิวและการทาสีย้อมไม้
    เมื่อผ่านการใช้งานไปเป็นเวลานานการซีดจางอาจเกิดขึ้น แต่ยังคงความสวยงามได้มากกว่าไม้เทียม
  • ข้อเสีย: ต้องหมั่นดูแลรักษาระมัดระวังเรื่องแมลงและปลวก การใช้งานที่หนักเกินไปอาจทำให้พื้นผิวไม้จริงเป็นรอยเสียหาย เป็นสาเหตุให้เกิดการผุกร่อนในภายหลังได้ ต้องทาน้ำยารักษาเนื้อไม้เป็นประจำ มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไม้เทียมบางชนิดในปริมาณเท่ากัน

สีทาไม้ กับคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การตกแต่ง

สีทาไม้ เป็นสีที่ใช้ในการทาเคลือบเงาไม้ ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติเพื่อการตกแต่งเท่านั้น ยังสามารถช่วยปกปิดเนื้อไม้ ลายไม้และรักษาเนื้อไม้เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานหลายสิบปี ซึ่งในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพสีและผลิตภัณฑ์ ทำให้มีสีทาไม้ออกมาให้เลือกหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น  เรามาทำความรู้จักชนิดของสีทาไม้ไปพร้อมๆกันเลยครับ

มาเริ่มกันที่ชนิดของสีทาไม้ที่แบ่งตามลักษณะการใช้งาน โดยมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันไม่ให้ความชื้นจากภายนอกไปทำลายเนื้อไม้  และยังคงรักษาความชื้นสัมพัทธ์ของเนื้อไม้ไว้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

สีทารองพื้นไม้

ชนิดผสมอะลูมิเนียม จะใช้ในการทารองพื้นไม้ชั้นแรก เพื่อช่วยในการป้องกันความชื้นและยางไม้ภายในไม่ให้ไหลมาปะปนกับสีจริง ชนิดสีน้ำมัน ซึ่งมีส่วนผสมของทินเนอร์ทำให้สีค่อนข้างแห้งเร็ว เหมาะกับการทาทับครั้งแรกหรือทาทับไม้ที่ไม่เคยผ่านการทาสีมาก่อน สีประเภทนี้ค่อนข้างทนความร้อนได้ดีถึง 90 องศาเซลเซียส และทนต่อรอยขีดข่วนต่างๆ

สีทาไม้จริง

สีทาไม้จริง คือ สีที่นำไปทาชั้นนอกสุดเพื่อเพิ่มความสวยงามและสามารถเลือกโทนสีได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน สีที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์เพราะเมื่อทาลงไปแล้วจะให้ความเงางาม ต้านทานเชื้อรา ทนความร้อนได้ดีและทนรอยขีดข่วนได้พอสมควร สำหรับสีชนิดทึบแสงเมื่อทาแล้วผิวไม้จะค่อนข้างดูเรียบเนียนเสมอกันทั้งแผ่นมากกว่าสีชนิดโปร่งแสง แต่สีชนิดโปร่งแสงจะให้ความเป็นธรรมชาติใกล้เคียงไม้จริงมากกว่า

ส่วนการเลือกสีทาไม้ให้เหมาะสมกับงานไม้ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เพื่อนๆ ควรจะทำความเข้าใจ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและเลือกใช้ได้อย่างถูกลักษณะ โดยมีทั้งหมด 4 ประเภทดังนี้

  1. สีอะคริลิก เป็นสีที่เหมาะสำหรับการลงรองพื้น สีชนิดนี้ค่อนข้างลอกยาก กันน้ำได้ ไม่มีกลิ่น ทำความสะอาดค่อนข้างง่าย เพียงแค่ใช้น้ำเปล่าเช็ดทำความสะอาด และที่สำคัญเป็นสารที่มีค่า VOCs (สารระเหยอินทรีย์) ที่ค่อนข้างต่ำ จึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  2. สีน้ำมัน เป็นสีที่ค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะแห้งประมาณ 8 ชั่วโมงและค่อนข้างมีกลิ่นเหม็น ข้อดีคือช่วยให้ไม้สะท้อนแสง ป้องกันความชื้นได้ดีและมีการยึดเหนี่ยวโมเลกุลที่แน่นหนา แต่สีชนิดนี้ไม่มีช่องว่างให้อากาศไหลผ่านได้ ทำให้น้ำสามารถแทรกซึมผ่านได้เกิดการหลุดลอกได้ง่าย
  3. สีเคลือบไม้ เป็นสีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม้ ทั้งยังสามารถเคลือบทับสีเคลือบได้อีกชั้น และสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบธรรมดาหรือเพิ่มความแข็งแรง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้สีย้อมนั้นเข้มขึ้นหรือจางลงได้อีกด้วย
  4. สีย้อมไม้ เป็นสีที่ช่วยในการเเสดงความเป็นเนื้อไม้ออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติซึมเข้ากับเนื้อไม้ ป้องกันไม่ให้มีราหรือแมลงขึ้น มีการเว้นช่องว่างทำให้กันน้ำได้ดี

งานไม้เป็นงานที่ค่อนข้างต้องการความละเอียดอ่อนและประณีต จำเป็นต้องเลือกสรรค์ผลิตภัณฑ์มาการดูแลสีและพื้นผิวเนื้อไม้  ดังนั้นจึงควรจะศึกษา และเลือกใช้สีแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นๆ ส่วนเพื่อนๆสถาปนิกคนไหนอยากให้งานไม้จริง ไม้ระแนง ไม้ฝา ไม้พื้น ออกมาสวยถูกใจคงทน ได้ผิวสัมผัสและอารมณ์ธรรมชาติ อยู่กับบ้านให้เรานั่งมองไปนานๆยกมือขึ้น!

สีทาไม้เกรดดี จากเยอรมัน

ผมขอแนะนำให้รู้จักกับแบรนด์สีทาไม้คุณภาพ “RTB  Paint” เป็นสีทาไม้สูตรน้ำ Premium Grade แบรนด์ที่นำเทคโนโลยีสีจากประเทศเยอรมนีมาใช้ผลิต อีกทั้งยังได้การรับรองมาตรฐานยุโรป EN-71 วินาทีนี้นักออกแบบ สถาปนิกคนไหนยังไม่รู้จักสีทาไม้ RTB อีกล่ะก็ มาทำความรู้จักกับคุณสมบัติดีๆมากมายที่ทางเราอยากบอกต่อไป ให้ทุกๆบ้านได้มีไม้สวยๆ เงางามไปพร้อมๆกันได้เลย

อย่างแรกคือ สี RTB มีความคงทนต่อแสงแดดทุกสภาวะ ทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะสภาพอากาศเขตร้อนแบบประเทศไทยเรา ทนกรด ทนด่าง กว่าสีย้อมไม้สูตรน้ำมันทั่วไปถึง 4 เท่า เพราะตัวสีมีส่วนประกอบของ Core Shell Polymer ช่วยให้ฟิล์มสีสามารถยืดหรือหดตัวตามสภาพไม้ได้ดี ไม่หลุดล่อน สามารถป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และแมลงกัดกินเนื้อในได้อย่างดีเยี่ยมอีกทั้งเป็นสีสูตรน้ำที่สามารถเปิดฝาทาได้เลย ไม่ต้องผสมอะไรเพิ่ม จึงไม่ต้องทนกลิ่นฉุนของทินเนอร์ที่ใช้ผสมกับสีน้ำมันก่อนทา ปราศจากสารปรอทและสารตะกั่วปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ข้อดีในแง่ของการทำงานคือเนื้อสีมาก เพิ่มพื้นที่ในการทา แถมยังแห้งเร็วมาก สามารถทำงานให้เสร็จได้ภายในวันเดียว รับรองได้เลยว่า งานคุณภาพ สีสวย ไม่ล่อน ไม่ซีด ไม่เหลือง สวยงามคู่บ้านไปอย่างยาวนาน เหมาะกับสถาปนิกที่ใส่ใจคุณภาพและรายละเอียดอย่างเราๆ

โดยผลิตภัณฑ์สีทาไม้ของทางแบรนด์ ได้ถูกออกแบบมาอย่างครบวงจร ใช้กับงานไม้จริงได้หลากหลายทั้งภายในภายนอก ครอบคลุมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น งานพื้น งานผนัง งานระแนง งานเฟอร์นิเจอร์ พื้นผิวสัมผัสมีให้เลือกสรรทั้งเงาและด้าน เรียกได้ว่าครบเครื่องเลยทีเดียว

วันนี้ผมมีผลิตภัณฑ์สีทาไม้จากทางแบรนด์ มาแนะนำให้นักออกแบบได้เลือกใช้ตามประเภทงานถึง 4 ชนิดด้วยกัน

  1. RTB Wood Stain ใช้สำหรับงานระแนง หรือไม้ฝาผนัง ทั้งภายใน และภายนอก
  2. RTB Decking Stain ใช้สำหรับงานพื้นไม้ ทั้งภายในและภายนอก
  3. RTB Polyurethane ใช้สำหรับงานไม้ภายในและภายนอกที่ต้องการความทนทานทุกประเภท
  4. RTB Lacquer ใช้สำหรับงานไม้ทั่วไปทั้งภายใน และภายนอก โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์

สถาปนิก นักออกแบบ ท่านใดสนใจผลิตภัณฑ์ของ RTB Paint สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rtbpaint.com

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.hm-garden.com, www.foremanblog.com และ www.baania.com